ปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านสามารถพบเจอได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ซึ่งการปลูกผมถือเป็นทางออกที่ดี มีความปลอดภัยสูงและเป็นธรรมชาติ เพราะขั้นตอนการปลูกผมทั้งหมดจะกระทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้าน
แพทย์หญิงกุลธิดา ลุสวัสดิ์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม โรงพยาบาลศัลยกรรมมาสเตอร์พีช ให้ข้อมูลว่า การปลูกผม คือการย้ายรากผมจากที่หนึ่ง หรือบริเวณด้านหลังศีรษะไปยังอีกจุดหนึ่งที่มีปัญหา ไม่ใช่การเพิ่มปริมาณเส้นผมจากที่มีอยู่ เนื่องจากบริเวณที่นำรากผมออกมาแล้วจะไม่มีการงอกขึ้นมาใหม่ แต่ผมจะไปขึ้นบริเวณที่นำรากผมไปปลูกแทน ซึ่งระยะเวลาในการปลูกผมจะใช้ระยะเวลาประมาณ 7 – 10 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของคนไข้แต่ละคน
เทคนิคการศัลยกรรมปลูกผมมีกี่แบบ
การปลูกผมสามารถทำได้ด้วยสองเทคนิคที่แตกต่างกัน และเทคนิคที่ว่านั้นคือ เทคนิค FUE และเทคนิค DHI โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และเลือกเทคนิคที่เหมาะสมในแต่ละเคส
การปลูกผมไม่ต้องผ่าตัดแบบ FUE คืออะไร
เป็นการปลูกผมที่นิยมมากในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นวิธีการปลูกผมที่ถูกคิดค้นขึ้นใหม่ และทันสมัยมากที่สุดในขณะนี้ ซึ่งการปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Extraction) นั้นไม่ใช่การผ่าตัด ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาเจ็บตัวน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนาน
การปลูกผมแบบนี้เป็นการปลูกผมที่มีขั้นตอนการย้ายเซลล์รากผมในรูปแบบหนึ่ง ใช้วิธีการปลูกถ่ายเซลล์รากผมลงไปในบริเวณที่ไม่มีเส้นผม หรือบริเวณที่ผมร่วง ผมบาง โดยขั้นตอนนี้ต้องใช้ความชำนาญและความประณีตค่อนข้างสูง
การย้ายเซลล์รากผมต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยจะเลือกเส้นผมบริเวณส่วนท้ายทอย ซึ่งรากผมบริเวณนี้เป็นจุดที่เส้นผมมีความสมบูรณ์แข็งแรงมากกว่าส่วนอื่น แพทย์จะใช้หัวเจาะขนาดประมาณ 0.8 – 1.0 มิลลิเมตร ซึ่งมีขนาดเล็กมาก เจ็บน้อย ไร้รอยแผลผ่าตัด แถมไม่ต้องพักฟื้นด้วย
ข้อดีของการปลูกผมแบบ FUE นี้คือไม่ต้องผ่าตัดบริเวณหลังศีรษะ ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยกว่า ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แถมยังสามารถย้ายรากผมไปปลูกบริเวณอื่นได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณคิ้ว หนวด จอน เครา
หลักการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
อันดับแรกเลยแพทย์จะทำการออกแบบแนวผมที่จะทำการปลูกใหม่ให้เหมาะกับโครงหน้าของคนไข้ หลังจากนั้น จะโกนผมบริเวณหนังศีรษะด้านหลัง เพื่อให้ง่ายต่อการย้ายเซลล์รากผม ก่อนที่จะทำการฉีดยาชาบริเวณท้ายทอย เพื่อระงับความเจ็บปวด
หลังจากนั้นแพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กมากเจาะย้ายเซลล์รากผมโดยจะเจาะไปรอบ ๆ กอผมบริเวณท้ายทอยแล้วนำรากผมที่ถูกแยกออกมาปลูกถ่ายลงในตำแหน่งที่ต้องการ ขั้นตอนนี้ต้องใช้เทคนิค ความชำนาญการของแพทย์ เพื่อให้เส้นผมที่ปักลงไปเรียงตัวตามเส้นผมธรรมชาติของคนไข้
ที่สำคัญเทคนิคนี้เป็นการใช้เซลล์รากผมของตัวคนไข้เอง ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม หรือสารอันตราย จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือต่อต้าน รอยแผลจะมีขนาดเล็กมาก หลังปลูกผมไปแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
เทคนิค FUE เหมาะกับใครบ้าง
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางกลางศีรษะ หัวล้าน หน้าผากกว้าง และผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้า เช่น อยากให้ใบหน้าดูเรียวลง
เทคโนโลยีปลูกผม
เทคโนโลยี WAW FUE เป็นนวัตกรรมใหม่ที่นำเข้ามาจากประเทศเบลเยียม เพื่อช่วยให้การปลูกผมได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น ใช้ระยะเวลาสั้นลง และเก็บรากผมอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่เหนือสิ่งอื่นใดผู้ที่เข้ารับการปลูกผมจะต้องมีวินัยปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีหลังทำ และการอดทนรอเวลาเพื่อเส้นผมที่แข็งแรงจะเกิดขึ้นมาภายใน 6 – 12 เดือน
การปลูกผมแบบ DHI คืออะไร
การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI (Direct Hair Implantation) เป็นการปลูกผมแบบ FUE ประเภทหนึ่ง ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของวงการปลูกผมในปัจจุบัน เป็นการย้ายเซลล์รากผมถาวรจากบริเวณหลังศีรษะไปไว้ในตำแหน่งที่ไม่มีเส้นผม ซึ่งขั้นตอนการทำศัลยกรรมจะคล้ายกับการปลูกผมแบบ FUE แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคนิคการใส่ผมเข้าไปใต้ผิวหนัง โดยใช้อุปกรณ์ที่มีชื่อว่า Implanter ในการปลูกผมแทนการใช้ปากคีบ (Forcep) โดยการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI สามารถปลูกผมทีละเส้นได้ในครั้งเดียว
ข้อดีของเทคนิค DHI
เทคนิค DHI มีข้อดีอยู่ไม่น้อย ปริมาณผมแน่นขึ้นและถี่กว่าการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เนื่องจากแพทย์ใช้เครื่องมือเฉพาะในการปลูกผมในครั้งเดียวอีกทั้งยังควบคุมความลึก มุม ทิศทางของรากผม เพื่อให้เส้นผมใหม่ที่ปลูกมีลักษณะเดียวกับผมธรรมชาติของเรา นอกจากนี้ยังไม่มีรอยแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้นด้วย
อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ไม่เหมาะกับคนที่ไม่มีเส้นผมเลย ศีรษะโล้น แต่ถ้าหากมีปัญหาผมร่วงด้วยฮอร์โมน อาจจะต้องกินยาเพื่อรักษา
เทคนิค DHI เหมาะกับใครบ้าง
เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผมบาง หนังศรีษะล้านเล็กน้อย และคนที่ต้องการปลูกผมเพียงเล็กน้อย รวมทั้งผู้ที่ต้องการปลูกผมโดยไร้รอยแผลเป็น รวมไปถึงผู้ที่มีเวลาพักฟื้นน้อย
ศัลยกรรมปลูกคิ้วคืออะไร
ศัลยกรรมปลูกคิ้วจะคล้ายกับการปลูกผม เนื่องจากเป็นการย้ายเซลล์รากผมบริเวณที่แข็งแรงที่สุด คือส่วนท้ายทอย แพทย์จะนำเซลล์รากผมย้ายมาปลูกบริเวณคิ้ว โดยความหนาของเส้นขนและการงอกจะเหมือนเส้นผมเลย ทำให้หลังจากที่ทำการปลูกคิ้วไปแล้ว ต้องมีการตัดแต่งอยู่เสมอ
การปลูกคิ้วถือเป็นหัตถการที่มีความละเอียดสูง และยังต้องใช้ความชำนาญของแพทย์ตั้งแต่การออกแบบทรงคิ้วไปจนถึงการวางทิศทางของเส้นคิ้วแต่ละเส้นอีกด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดนั่นเอง
ใครบ้างที่ควรปลูกคิ้ว
คนที่มีปัญหาคิ้วบางตั้งแต่กำเนิด ปัญหาคิ้วไม่เป็นทรง คิ้วไม่ได้สัดส่วน กรณีคิ้วแหว่งจากอุบัติเหตุ โรคผิวหนังบางชนิด สำหรับคนที่สักคิ้วมาแล้วแต่ต้องการปลูกขนคิ้วเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความเป็นธรรมชาติมากขึ้น กรณีที่สักคิ้วแล้วไปลบรอยสักด้วยเลเซอร์ ทำให้ขนคิ้วจริงหลุดร่วงหมด คิ้วไม่เป็นสัดส่วน ไม่ได้รูปทรงสวย คิ้วแหว่งจากการผ่าตัด และคนที่ต้องการเพิ่มความคมเข้มให้คิ้ว
ผู้ชายปลูกคิ้วได้ไหม
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็สามารถปลูกคิ้ว และปัจจุบันเป็นที่นิยมอีกด้วย เนื่องจากผลลัพธ์ของการทำหัตถการดังกล่าวนั้นเป็นที่พึงพอใจสำหรับหนุ่มๆ หลายคน ทั้งเรื่องของความเป็นคงอยู่แบบถาวรของขนคิ้ว ทิศทางการจัดเรียงของเส้นขน ที่สำคัญคือความเป็นธรรมชาติหลังจากปลูกคิ้ว
การปลูกคิ้วถาวรเหมือนการสักคิ้วหรือไม่
ไม่เหมือน การสักคิ้วเป็นการใช้เส้นเขียน แต่ไม่ได้มีมิติขึ้นมาจริงๆในอนาคตเส้นคิ้วที่สักขึ้นมาจะค่อยๆ จางหายไปเรื่อยๆ จากสีที่เข้มก็จะเริ่มอ่อนลง ทำให้ต้องมีการใช้เครื่องสำอางเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มความเข้ม ความคมชัดของคิ้วส่วนการปลูกคิ้วเป็นการย้ายเซลล์รากผมบริเวณส่วนท้ายทอยของเรามาปลูกบริเวณคิ้ว ผลลัพธ์ที่ได้จึงสวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติที่สำคัญคิ้วที่ปลูกจะเป็นคิ้วจริงๆ ของเรา ทำให้มีสีเดียวกับสีคิ้วเดิม แถมยังสามารถตัดแต่งทรงคิ้วได้ตามที่ต้องการ
ศัลยกรรมปลูกหนวด เครา คืออะไร
ศัลยกรรมปลูกหนวด ปลูกเครา จอน เป็นวิธีเพิ่มปริมาณเส้นขนแบบธรรมชาติ ซึ่งใช้หลักการเดียวกันกับการปลูกผม โดยการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณที่มีความแข็งแรงของเซลล์รากผมมากที่สุด นั่นก็คือ บริเวณท้ายทอย แพทย์จะนำมาปลูกบริเวณที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหนวด เครา จอน
แต่การเลือกขนาดของเส้นผมจะแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะในการปลูกหนวดนั้นต้องเลือกเส้นผมที่ใกล้เคียงกับขนาดของเส้นขนเดิม และจัดเรียงให้ปลูกขึ้นในทิศทางใกล้เคียงกับหนวดเดิมเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติที่สุด
ใครบ้างที่ควรทำศัลยกรรมปลูกหนวด เครา
คนที่มีหนวดแหว่ง อาจมีสาเหตุมาจากแผลผ่าตัดหรือแผลเป็นที่เกิดจากโรคต่างๆ มีความต้องการปกปิดรอยแผลเป็น ผู้ที่ปลูกหนวดด้วยเซรั่มไม่ได้ผลตามที่ต้องการ คนที่อยากเพิ่มความหนา ความดกดำ ให้กับหนวด เครา จอน เพื่อเสริมบุคลิกภาพ ความคมเข้มให้กับใบหน้า คนที่อยากปรับเปลี่ยนรูปทรงหนวดเดิมให้เข้ากับใบหน้าและดูเป็นธรรมชาติ
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปลูกผม คิ้ว หนวด เครา เพิ่มเติม สามารถหาอ่านได้จากหนังสือ “รักผมให้ปลูก” วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในร้านหนังสือชั้นนำ หรือขอรับคำปรึกษาได้ที่ โรงพยาบาลศัลยกรรมมาสเตอร์พีช www.masterpiecehospital.com