ปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน สามารถพบเจอได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายค่ะ ซึ่งการปลูกผมนั้นถือว่าเป็นทางออกที่ดี มีความปลอดภัยสูงและเป็นธรรมชาติ ซึ่งขั้นตอนการปลูกผมทั้งหมดจะกระทำโดยแพทย์เฉพาะทาง แนวทางการรักษาเช่น ปลูกผมfue และเทคนิคการปลูกผม dhi
ซึ่งการปลูกผมคือการย้ายรากผมจากที่หนึ่ง หรือบริเวณด้านหลังศีรษะ ไปยังอีกจุดหนึ่งที่มีปัญหาดังกล่าวข้างต้น ไม่ใช่การเพิ่มปริมาณเส้นผมจากที่มีอยู่ เนื่องจากบริเวณที่นำรากผมออกมาแล้วจะไม่มีการงอกขึ้นมาใหม่ แต่ผมจะไปขึ้นบริเวณที่นำรากผมไปปลูกแทนค่ะ
ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 7-10 ชั่วโมงเลยนะคะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของคนไข้แต่ละคนด้วยค่ะ
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
Toggleเทคนิคการปลูกผมมีอะไรบ้าง
“หัวล้าน” เป็นคำที่คุ้นหูสำหรับใครหลายๆคน หากใครที่เคยโดนเพื่อนเรียกแบบนี้ อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ เพราะผมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ใบหน้าของเราดูดี สวยหล่อ
แต่อย่าเพิ่งน้อยใจไปนะคะ เพราะปัญหาหัวล้าน สามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่วิก หรือรักษาด้วยยาปลูกผม แต่สุดท้ายแล้วการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านอย่างถาวรก็หนีไม่พ้นการทำศัลยกรรมปลูกผมด้วยเทคนิค FUE และเทคนิค DHI ค่ะ ซึ่งการศัลยกรรมปลูกผมนับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งทีได้รับความนิยมอย่างมากเลยก็ว่าได้
ในหัวข้อถัดไปจะมาเล่าให้ฟังนะคะว่าเทคนิค FUE และเทคนิค DHI นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร, มีข้อดีข้อเสียอย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง เราไปฟังพร้อมๆกันเลยค่ะ
การปลูกผมแบบ FUE คืออะไร
เป็นการปลูกผมที่มีขั้นตอนการย้ายเซลล์รากผมในรูปแบบหนึ่ง ใช้วิธีการปลูกถ่ายเซลล์รากผมลงไปในบริเวณที่ไม่มีเส้นผม หรือบริเวณที่ผมร่วง ผมบาง โดยขั้นตอนนี้ต้องใช้ความชำนาญและความปราณีตค่อนข้างสูงค่ะ
การย้ายเซลล์รากผมต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางนะคะ โดยจะเลือกเส้นผมบริเวณส่วนท้ายทอยค่ะ ซึ่งรากผมบริเวณนี้เป็นจุดที่เส้นผมมีความสมบูรณ์แข็งแรงมากกว่าส่วนอื่นๆค่ะ แพทย์จะใช้หัวเจาะขนาดประมาณ 0.8-1.0 มิลลิเมตร ซึ่งมีขนาดเล็กมาก เจ็บน้อย ไร้รอยแผลผ่าตัด แถมยังไม่ต้องพักฟื้นด้วยนะคะ
ซึ่งการปลูกผมแบบ FUE มีข้อดีตรงที่ ไม่ต้องผ่าตัดบริเวณหลังศีรษะค่ะ ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยกว่า ไมต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แถมยังสามารถย้ายรากผมไปปลูกบริเวณอื่นได้ด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็น บริเวณคิ้ว หนวด จอน เครา ค่ะ
หลักการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
อันดับแรกเลยแพทย์จะทำการออกแบบแนวผมที่จะทำการปลูกใหม่ให้เหมาะกับโครงหน้าของคนไข้ หลังจากนั้นแพทย์จะโกนผมบริเวณหนังศีรษะด้านหลัง เพื่อให้ง่ายต่อการย้ายเซลล์รากผมค่ะ
แพทย์จะทำการฉีดยาชาบริเวณท้ายทอยเพื่อระงับความเจ็บปวด หลังจากนั้นแพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กมากเจาะย้ายเซลล์รากผม โดยจะเจาะไปรอบๆกอผมบริเวณท้ายทอย แล้วนำรากผมที่ถูกแยกออกมาปลูกถ่ายลงในตำแหน่งที่ต้องการ ขั้นตอนนี้ต้องใช้เทคนิค ความชำนาญการของแพทย์ เพื่อให้เส้นผมที่ปักลงไปเรียงตัวตามเส้นผมธรรมชาติของคนไข้
ที่สำคัญเทคนิคนี้ เป็นการใช้เซลล์รากผมของตัวคนไข้เองค่ะ ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม หรือสารอันตรายนะ จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือต่อต้าน รอยแผลจะมีขนาดเล็กมาก หลังปลูกผมไปแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยค่ะ
เทคนิค FUE เหมาะกับใครบ้าง ?
-
- ผู้ที่มีปัญหาผมบางกลางศีรษะ หัวล้าน หน้าผากกว้างค่ะ
-
- ใครที่ต้องการปรับโครงหน้า เช่น อยากให้ใบหน้าดูเรียวลง
การปลูกผมแบบ DHI คืออะไร
การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI เป็นการปลูกผมแบบ FUE ประเภทหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของวงการปลูกผมในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ค่ะ เป็นการย้ายเซลล์รากผมถาวร จากบริเวณหลังศีรษะ ไปไว้ในตำแหน่งที่ไม่มีเส้นผม
ซึ่งขั้นตอนการทำศัลยกรรมจะคล้ายกับการปลูกผมแบบ FUE เลยค่ะ แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคนิคการใส่ผมเข้าไปใต้ผิวหนัง โดยใช้อุปกรณ์ที่มีชื่อว่า Implanter ในการปลูกผมแทนการใช้ forceps โดยการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI สามารถ ปลูกผมทีละเส้นได้ในครั้งเดียวค่ะ
ข้อดีของเทคนิค DHI ก็มีอยู่ไม่น้อยนะคะ ปริมาณผมแน่นขึ้นและถี่กว่าการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เนื่องจากแพทย์ใช้เครื่องมือเฉพาะในการปลูกผมในครั้งเดียว แถมยังควบคุมความลึก มุม ทิศทางของรากผม เพื่อให้เส้นผมใหม่ที่ปลูกมีลักษณะเดียวกับผมธรรมชาติของเรา นอกจากนี้ยังไม่มีรอยแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้นด้วยนะ
ในเมื่อมีข้อดีแล้ว ข้อเสียก็มีนะคะ และข้อเสียที่ว่านั้นก็คือ เทคนิคนี้ไม่เหมาะกับคนที่ไม่มีเส้นผมเลย ศีรษะโล้น แต่ถ้าหากมีปัญหาผมร่วงด้วยฮอร์โมนอาจจะต้องกินยาเพื่อรักษาค่ะ
หลักการในการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI
-
- อันดับแรกเลยวิสัญญีแพทย์จะเริ่มทำการวางยาสลบค่ะ จากนั้นแพทย์จะเจาะกราฟผมจากด้านหลังศีรษะออกมา เรียกว่า Donor Area ค่ะ ซึ่งบริเวณนี้จะไม่ได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ค่ะ สำหรับการปลูกผมแบบ DHI แพทย์จะใช้เครื่องมือชนิดพิเศษที่มีขนาดเล็กประมาณ 0.6-0.8 มิลลิเมตร เพื่อแยกรากผมออกมาอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เซลล์รากผมได้รับความเสียหาย
-
- หลังจากที่แพทย์แยกกราฟต์ผมออกจากแถบเนื้อเยื่อและไขมันอย่างระมัดระวัง ตัดแต่งและคัดแยกกราฟต์ที่มีจำนวนเส้นผมในกอต่างกัน แล้วนำไปแช่น้ำยาสูตรเฉพาะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอยู่รอดและเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตของรากผมได้ดี เพื่อนำไปใช้ในการปลูกบริเวณที่ต่างกัน
-
- กราฟต์ผมที่ถูกตัดแต่งเรียบร้อยแล้วจะถูกนำไปใส่ในอุปกรณ์ DHI Implanter แพทย์จะนำไปปักและปลูกบริเวณที่ต้องการค่ะ ซึ่งเป็นการปักและปลูกในครั้งเดียว จึงไม่เกิดการระบม ไม่เกิดรอยแผลเป็น แถมแผลยังมีขนาดเล็ก หายไว ไม่ต้องพักฟื้นค่ะ
เทคนิค DHI เหมาะกับใครบ้าง?
-
- คนที่มีปัญหาผมบาง หนังศีรษะล้านเล็กน้อย และคนที่ต้องการปลูกผมเพียงเล็กน้อยค่ะ
-
- ผู้ที่ต้องการปลูกผมโดยไร้รอยแผลเป็น รวมไปถึงผู้ที่มีเวลาพักฟื้นน้อย
ปลูกผมที่ไหนดี ทำไมต้องที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ?
หากคุณเป็นคนหนึ่งสนใจอยากทำศัลยกรรมปลูกผม อันดับแรกเลยคือต้องรู้ก่อนว่าการที่เราจะเลือกตัดสินใจทำศัลยกรรมควรพิจารณาจากอะไรบ้าง หากเราเลือกสถานพยาบาลดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็ออกมาสวย แต่ถ้าหากเราดวงซวยเลือกสถานพยาบาลผิด อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ แถมยังตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่อาจเกิดขึ้นหลังเข้ารับการศัลยกรรมอีกด้วยค่ะ ดังนั้นวันนี้จะเล่าให้ฟังนะคะว่า สิ่งที่เราควรพิจารณาหลักๆแล้วมีอะไรบ้าง
ทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการปลูกผม
มีความสำคัญมากเลยนะคะ แพทย์และทีมผู้ช่วยจำเป็นต้องมีประสบการณ์ ความชำนาญพิเศษ รวมไปถึงมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากสภาวิชาชีพของแพทย์ ซึ่งใบประกอบนี้สามารถยืนยันได้ว่าแพทย์มีความรู้ความสามารถเพียงพอ ที่จะทำการรักษาคนไข้ นอกจากนี้สามารถอธิบายให้คำแนะนำในด้านต่างๆแก่คนไข้ เพื่อให้เข้าใจโดยละเอียดถึงตั้งแต่ขั้นตอนการปลูกผม ผลลัพธ์ที่ได้อีกด้วยค่ะ
สถานพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน
สถานพยาบาลที่ได้รับมาตรฐานตามหลักสากลของกระทรวงสาธารณสุขก็มีความสำคัญไม่แพ้กันค่ะ เนื่องจากเป็นการดูแลความปลอดภัยเบื้องต้นให้กับคนไข้ที่เข้ารับบริการ ซึ่งต้องมีเอกสารรับรองที่ผ่านการตรวจสอบจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างชัดเจน เพื่อความน่าเชื่อถือรวมไปถึงเรื่องของความปลอดภัยค่ะ ทั้งนี้ยังรวมไปถึงเรื่องของเครื่องมือ อุปกรณ์ และน้ำยาแช่กราฟต์ที่ใช้ต้องมีคุณภาพด้วยนะคะ เพื่อผลลัพธ์การปลูกผมที่ดีถาวรมากยิ่งขึ้นค่ะ
ผลงานรีวิวจากลูกค้าที่เข้ารับบริการปลูกผมจริง
ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า ปกติแล้วการศัลยกรรมปลูกผมจะเห็นผลชัดเจนเมื่อครบ 1 ปี หากเป็นรูปรีวิวช่วงหลังทำทันที หรือสองสัปดาห์ อันนี้ยังไม่สามารถบอกได้นะคะว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นดีแค่ไหน รูปรีวิวที่ดีนั้นควรเป็นรูปที่ถ่ายมุมเดียวกัน แสงเดียวกันทั้งก่อนทำและหลังทำค่ะ แต่การเราก็ไม่ทราบอยู่ดีใช่ไหมคะว่ารูปนั้นผ่านการแต่งรูปจากโปรแกรม Photoshop หรือการ retouch หรือไม่ ซึ่งวันนี้มีวิธีการสังเกตุง่ายๆมาฝากค่ะ แนะนำว่าให้ลองซูมรูปที่ต้องการหากพบว่าบริเวณที่ปลูกผมนั้นมีการถมด้วยสีจนเกิดความเบลอ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า เป็นรูปที่ผ่านการตกแต่งด้วยโปรแกรมดังกล่าวค่ะ
การให้บริการของสถานพยาบาล
การบริการลูกค้าหลังเข้ารับการศัลยกรรม หรือที่เราเรียกกันว่า After care นั้นสำคัญเช่นกันค่ะ เมื่อลูกค้าเข้ารับบริการแล้วพนักงานบริการดีจะเกิดความประทับใจและเกิดความชื่นชม จะส่งผลให้มีการบอกต่อหรือกลับเข้ามาใช้บริการซ้ำๆได้ อันนี้ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่สถานพยาบาลนั้นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรมด้านใดก็แล้วแต่ การให้บริการ การติดต่อประสานงานของเจ้าหน้าที่นั้นสำคัญมากค่ะ
ราคาและโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย
ในส่วนของราคา หรือ โปรโมชั่นส่งเสริมการขายของศัลยกรรม ปลูกผม เราควรสอบถามราคาให้ชัดเจนก่อน อย่างไรก็ตามการปลูกผมด้วยราคาแพงอาจไม่มีมาตรฐานเสมอไปนะคะ เราอาจต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆรวมไปถึงผลลัพธ์ที่เราจะได้รับร่วมด้วยค่ะ
การดูแลตัวเองหลังปลูกผม
การดูแลตัวเองหลัง ปลูกผม ทั้งเทคนิค DHI เป็นการปลูกผม fue หลายคนมักเข้าใจว่าไม่ง่ายเลย ความจริงแล้วการดูแลตัวเองหลังปลูกผมนั้นง่ายมาก เพียงแต่ในส่วนของการดูแลนั้นอาจมีเงื่อนไขเล็กน้อยในช่วง 14 วันแรกเพื่อให้ผมที่ปลูกมานั้นเติบโตได้ย่างมีประสิทธิภาพ เราไปดูกันนะคะว่า การดูแลตัวเองนั้นมีอะไรบ้าง และจะง่ายแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะ
-
- หลังจากปลูกผมไปแล้ว15 วัน คนไข้สามารถสระผมได้ตามปกติเลยค่ะ หากยังพบว่าบริเวณศีรษะมีสะเก็ดอยู่ สามารถใช้น้ำราดบนศีรษะแล้วนวดสะเก็ดออกได้เลยนะ หรือจะใช้น้ำมันมะพร้าวเข้าช่วยด้วยอีกแรงก็ได้ค่ะ ในส่วนของการสระผมแนะนำว่าควรสระผมด้วยน้ำอุณหภูมิห้องนะ หลังจากสระผมเสร็จแล้วใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดเบาๆหรือจะใช้ไดร์เป่าผมด้วยลมเย็นและกำลังแรงลมอ่อนๆ ก็ได้ค่ะ
-
- ช่วงหลังจาก 15 วันนี้ คนไข้สามารถออกกำลังกายได้แล้วนะ แต่ในส่วนของการว่ายน้ำต้องงดไปก่อนนคะจนกว่าจะครบ 4 สัปดาห์เลย
-
- ทั้งนี้ควรเลี่ยงการออกแดดนานๆจนผิวไหม้ 3 เดือนเลยนะคะ หากต้องอยู่กลางแจ้งนานๆแนะนำว่าให้สวมหมวกค่ะ หากอยากยืดผม ย้อมผม หรือดัดผม แนะนำว่ารอให้พ้น 2 เดือนไปก่อนค่ะ อ้อ ที่สำคัญอย่าลืมรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งนะคะ
แหล่งความรู้เพิ่มเติม
ปลูกผม ราคาเท่าไหร่ ทำยังไง ผมบาง ผมร่วง หัวล้าน : https://www.masterpiecehospital.com/hair-transplant/