ชีวิตใหม่เริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วย การปลูกผม

ผมบาง ผมร่วง หรือศีรษะล้าน ถือว่าเป็นปัญหาที่สามารถส่งผลต่อบุคลิกภาพของคนไข้ได้โดยตรง ซึ่งอาจทำให้ขาดความมั่นใจ หรือมีผลต่อภาวะจิตใจได้ครับ ศัลยกรรมด้วย “ การปลูกผม ” จึงกลายเป็นทางออกที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เพราะมีความปลอดภัย และดูเป็นธรรมชาตินั่นเองครับ

การปลูกผม คืออะไร

ปลูกผม(Hair Transplantation) ถูกจัดให้เป็นการศัลยกรรมผิวหนัง สำหรับแก้ไขปัญหาศีรษะล้าน ผมบาง หรือผมร่วง โดยจะมีการนำเอาผมส่วนอื่นของคนไข้มาใช้ในสำหรับปลูกผมครับ ซึ่งหัตถการนี้จะต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้นนะครับ

ส่วนคนไข้ที่ยังไม่เข้าใจว่าใช้ผมตัวเองยังไง ผมจะอธิบายเพิ่มเติมให้ฟังนะครับ คือการปลูกผมนั้นจะต้องย้ายรากผมจากที่หนึ่งไปยังตำแหน่งที่มีปัญหา โดยใช้ผมบริเวณด้านหลังของศีรษะคนไข้ ทำให้การศัลยกรรมเส้นผม จึงไม่ใช่การเพิ่มปริมมาณเส้นผมของคนไข้ แต่จะเป็นการสร้างรากผมในจุดที่ผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้านให้ได้ทรงผมที่เข้ากับโครงสร้างใบหน้านั่นเองครับ

ดังนั้นคนไข้ที่อยากปลูกผมจึงต้องอาศัยแพทย์เฉพาะทาง เนื่องจากแพทย์จะมีเทคนิคเฉพาะ รวมถึงสามารถประเมินโครงสร้างได้อย่างแม่นยำ และวางแผนการรักษาให้ออกมาเป็นธรรมชาติได้ดีที่สุด ซึ่งระยะเวลาสำหรับปลูกผมนั้นอาจยาวนานถึง 7 – 10 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับความยากง่ายของรูปทรงผมเดิมของคนไข้ครับ

สาเหตุที่ทำให้ต้องปลูกผมมีอะไรบ้าง

การศัลยกรรมปลูกผมถือว่าเป็นศัลยกรรมความงามชนิดหนึ่ง ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือคนไข้ที่ประสบปัญหาต่าง ๆ จากเส้นผม เช่น ผมร่วงเป็นหย่อม ผมเริ่มบาง หรือศีรษะด้านบนเริ่มล้าน จนทำให้เกิดขาดความมั่นใจ และเสียบุคลิกภาพในที่สุด โดยพบว่ามีคนไข้จำนวนมากต้องการปลูกรากผม แต่ว่าสาเหตุแบบไหนละที่จะเหมาะสำหรับปลูกผมจริง ๆ ไปดูพร้อมกันได้เลยครับ

• ศีรษะล้านจากกรรมพันธ์

สาเหตุนี้คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มว่าทำไมถึงต้องปลูกผมนะครับ เพราะกรรมพันธ์ถือเป็นผลอย่างหนึ่งที่ทำให้สูญเสียเส้นผมไป โดยที่คนไข้ไม่ได้มีความต้องการให้เกิดขึ้น จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนกลุ่มนี้ต้องการศัลยกรรมปลูกผมเพื่อเรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้งนั่นเองครับ

• ปลูกผมปรับโหงวเฮ้ง หรือกรอบหน้า

โหงวเฮ้งถือว่าเป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง ที่ช่วยทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ จึงทำให้หนุ่มสาวที่มีปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับผมร่วง หันมาให้ความสนใจปลูกผมเพิ่มมากขึ้น เพราะสามารถช่วยปรับโหงวเฮ้ง และโครงสร้างใบหน้าไปในทิศทางที่ต้องการได้นั่นเองครับ

• เกิดจากอุบัติเหตุ

คนไข้ที่ต้องสูญเสียเส้นผมไปจากอุบัติเหตุ เช่น แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ จะมีความต้องการศัลยกรรมปลูกผมเป็นพิเศษ เพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปให้กลับมาดั้งเดิม รวมถึงสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจ และเปลี่ยนบุคลิภาพได้หากต้องเข้าสังคมครับ

นี้อาจเป็นสาเหตุส่วนน้อยที่ทำให้คนไข้ต้องการปลูกผม ซึ่งยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายครับ โดยส่วนร่วมแล้วผู้คนต้องการเพียงเสริมความมั่นใจอีกครั้งให้กับตนเอง ดังนั้นหากคนไข้มีความต้องการปลูกรากผมก็สามารถเข้ารับการปรึกษากับแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำการรักษาได้นะครับ

ใครบ้างที่เหมาะกับ การปลูกผม

ถึงการศัลยกรรมปลูกผมจะเป็นทางออกที่ดี สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม แต่ไม่ได้มีเพียงเท่านั้นนะครับ เพราะว่าการปลูกรากผมยังสามารถช่วยเสริมได้อีกหลากหลายด้าน เช่น เสริมบุคลิกภาพ หรือความมั่นใจได้อีกด้วย ซึ่งคนไข้ที่เหมาะสำหรับปลูกผมมีดังนี้ครับ

• คนไข้ที่มีปัญหาเส้นผมร่วงเยอะมากกว่าปกติ จนผมบาง หรือศีรษะเริ่มล้าน สามารถศัลยกรรมปลูกผมได้ครับ
• คนไข้ที่มีหน้าผากกว้าง หรือมีศีรษะสูงจนดูหัวเถิก สามารถศัลยกรรมปลูกผมได้ครับ
• คนไข้ที่ต้องการปรับลักษณะทรงผม เพื่อให้เหมาะกับใบหน้า สามารถศัลยกรรมปลูกผมได้ครับ
• คนไข้ที่ชอบตัดผมลักษณะสั้น ๆ เช่น ผมรองทรงต่ำ หรือผมรองทรงสูง สามารถศัลยกรรมปลูกผม เพื่อให้ผมด้านบนดูหนามากขึ้นครับ
• คนไข้ที่มีรอยแผลเป็นบนศีรษะ สามารถศัลยกรรมปลูกผม เพื่อทำการปกปิดรอยแผลเป็นได้ครับ
• คนไข้ที่มีปัญหาศีรษะล้านตรงกลาง ส่งผลทำให้ขาดความมั่นใจ สามารถศัลยกรรมปลูกผมได้ครับ
• คนไข้ที่อยากรักษาปัญหาเส้นผม แต่ไม่ต้องการพักฟื้น สามารถศัลยกรรมปลูกผมได้ครับ เนื่องจากการปลูกผมไม่ต้องพักฟื้นหลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยครับ
• คนไข้ที่รักษาอาการผมร่วง หรือผมบางด้วยวิธีอื่นแต่ไม่ดีขึ้น สามารถศัลยกรรมปลูกผม เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวได้ครับ
• คนไข้ที่มีปัญหาเส้นผมร่วง ศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ หรือฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อเส้นผม สามารถศัลยกรรมปลูกผม เพื่อรักษาปัญหาได้อย่างถาวรครับ
• คนไข้ที่มีภาวะเครียด หรือขาดความมั่นใจจากปัญหาผมบาง ผมร่วง สามารถศัลยกรรมปลูกผมได้ครับ
• คนไข้ที่ต้องการรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วง ศีรษะล้าน และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว อยู่ได้ถาวรการศัลยกรรมปลูกผมสามารถช่วยได้ครับ

เทคนิคที่นำมาใช้ในการปลูกผมมีอะไรบ้าง

สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้าน อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้คนไข้สูญเสียความมั่นใจได้ไม่น้อย การศัลยกรรมปลูกผมจึงเข้ามามีบทบาทในการเสริมประสิทธิภาพ และความมั่นใจได้อย่างมากครับ

โดยจริง ๆ แล้วมีวิธีแก้ปัญหาที่หลากหลาย เช่น การใส่วิกผม หรือรักษาด้วยยาบำรุงเส้นผม แต่วิธีการดังกล่าวจะสามารถแก้ไขปัญหาได้เพียงชั่วคราว การศัลยกรรมปลูกผมจึงเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

เนื่องจากการศัลยกรรมปลูกผมนั้นมีเทคนิค สำหรับการรักษาที่แตกต่างกัน จึงทำให้ครอบคลุมปัญหาของคนไข้ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเทคนิคที่แพทย์นำมาใช้รักษามี 2 เทคนิคดังนี้

ปลูกผมเทคนิค FUE

ปลูกผมด้วยเทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นการปลูกผมโดยใช้วิธีย้ายเซลล์รากผมไปยังบริเวณที่ไม่มีเส้นผม หรือบริเวณที่ผมร่วง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยแพทย์เฉพาะทางในการทำ เพราะมีความละเอียดอ่อนสูงครับ

โดยเทคนิค FUE จะปลูกผมในรูปแบบถาวร ซึ่งแพทย์จะมีการใช้เครื่องมือพิเศษร่วมกับเทคนิค จึงทำให้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมค่อยข้างสูง เนื่องจาก ไร้รอยแผล เจ็บน้อย รวมไปถึงไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน ๆ นั่นเองครับ

นอกจากการปลูกผมแล้ว เทคนิค FUE ยังสามารถใช้ร่วมกับตำแหน่งอื่นได้อีกด้วย เช่น ปลูกคิ้ว หนวด เครา และบริเวณจอนครับ หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ถึงอย่างไรการศัลยกรรมปลูกผมก็ควรทำโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้นนะครับ แนะนำให้คนไข้ที่มีปัญหาเส้นผมต่าง ๆ เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์โดยตรงก่อนตัดสินใจทำนะครับ เพื่อที่แพทย์จะได้ทำการประเมินโครงสร้างทั้งหมดได้อย่างชัดเจน รวมถึงให้ผลลัพธ์ออกมาเหมาะสำหรับคนไข้ทุกท่านนั่นเองครับ

เทคนิค FUE นั้นจะเหมาะกับคนไข้ที่มีลักษณะผมบาง หนังศีรษะล้าน หน้าผากกว้าง รวมไปถึงต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูเรียวเล็กลงด้วยครับ

ปลูกผมเทคนิค DHI

ปลูกผมด้วยเทคนิค DHI (Direct Hair Implantation) ถือว่าเป็นนวัฒกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการปลูกผมในปัจจุบัน ซึ่งคล้ายกับเทคนิค FUE แต่ต้องย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณหลังศีรษะ ไปยังตำแหน่งที่ผมร่วง หรือไม่มีเส้นผมครับ

ซึ่งข้อดีของการใช้เทคนิค DHI จะสามารถปลูกผลทีละเส้นได้ในครั้งเดียว ส่งผลให้เส้นผมมีปริมาณที่หนาแน่น และถี่กว่าแบบ FUE เนื่องจากแพทย์จะใช้เครื่องมือ ที่สามารถควบคุมความลึก หรือทิศทางของรากผมได้ดี ทำให้ปลูกผมแล้วจะมีลักษณะเหมือนกับผมธรรมชาติของคนไข้ จึงเป็นเทคนิคที่ทำให้คนไข้ประทับใจหลังศัลยกรรมได้อย่างแน่นอนครับ

นอกจากจะมีข้อดีแล้ว ข้อเสียก็มีเช่นกันนะครับ เพราะว่าเทคนิค DHI จะไม่เหมาะสำหรับคนไข้ที่ไม่มีเส้นผมเลย หรือศีรษะล้าน เนื่องจากต้องใช้เส้นผมบริเวณหลังศีรษะที่ค่อนข้างเยอะนั่นเองครับ แต่จะเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาผมบาง หนังศีรษะล้านเพียงเล็กน้อย รวมถึงต้องการรากปลูกผมโดยไร้รอยแผล และไม่อยากพักฟื้นครับ

ซึ่งทั้งสองเทคนิคควรทำโดยแพทย์เฉพาะทาง เนื่องจากแพทย์จะสามารถทำการประเมินได้ว่าลักษณะเส้นผม หรือโครงสร้างหนังศรีษะของคนไข้นั้น เหมาะกับเทคนิคใดมากกว่ากันนั่นเองครับ

ปลูกผมที่ไหนดี ทำไมต้องที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช

หากคนไข้กำลังตัดสินใจเกี่ยวกับการศัลยกรรมปลูกผม แต่ยังไม่แน่ใจว่าทำที่ไหนดี วันนี้ทางโรงพยาบาลมาสเตอร์พีซของเราจะมาบอกถึงเหตุผลสำคัญ ว่าควรเลือกสถานพยาบาลอย่างไรให้ผลลัพธ์ออกมาดูดี เพราะถ้าหากเลือกผิด ก็สามารถส่งผลต่อสภาวะจิตใจได้เลยครับ โดยสิ่งที่ควรพิจารณาหลัก ๆ มีดังนี้

• สถานพยาบาลได้มาตรฐาน

สถานพยาบาลต้องมีมาตรฐานตามหลักสากลจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งควรมีเอกสาร หรือใบรับรองสำหรับเปิดกิจการ เนื่องจากเป็นเรื่องของความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ต้องมีคุณภาพ ทันสมัย และสะอาดปลอดเชื้อ เพื่อผลลัพธ์ในการปลูกผมที่ดีนั่นเองครับ

• ทีมแพทย์มีประสบการณ์

แพทย์ และทีมผู้ช่วยต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีประสบการณ์ ความชำนาญพิเศษสำหรับด้านผม รวมถึงมีความรู้ความสามารถในการอธิบาย หรือให้คำแนะนำด้านต่าง ๆ เพื่อให้คนไข้ได้เข้าใจรายละเอียดได้อย่างชัดเจนครับ

• รีวิวจากคนไข้ที่เข้ารับการปลูกผม

โดยปกติแล้วการศัลยกรรมปลูกผม จะเห็นผลลัพธ์ของคามเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนที่สุดเมื่อครบ 1 ปี จึงทำให้การรีวิวปลูกผม เพียง 1 วัน หรือ 1 สัปดาห์อาจทำให้ดูไม่มีความน่าเชือถือ ซึ่งการรีวิวที่ดูน่าเชือถือนั้นคนไข้ที่เข้ารับปลูกผมควร รีวิวด้วยตัวเองอย่างสมัครใจ และต้องไม่ผ่านการปรับแต่งจากโปรแกรมต่าง ๆ จึงจะเป็นการรีวิวที่แท้จริงครับ

• โปรโมชั่น และราคา

สำหรับโปรโมชั่น และราคา จะเป็นการส่งเสริมด้านการขายเป็นส่วนใหญ่ คนไข้จึงควรตรวจสอบ หรือถามราคาให้ชัดเจนเสียก่อน เพราะการปลูกผมที่ราคาแพงก็ใช่ว่าจะมีมาตรฐารที่ดีเสมอไป ฉะนั้นคนไข้ควรพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย ก่อนตัดสินใจเชื่อโปรโมชั่น และราคานะครับ

การเตรียมตัวก่อนปลูกผมทำอย่างไร

สำหรับคนไข้ที่ผ่านการประเมินโครงสร้างต่าง ๆ และแพทย์ได้ให้คำปรึกษาที่เหมาะสำหรับปลูกผมแล้ว ขั้นต่อมาก็จะเข้าสู่กระบวนการเตรียมตัวก่อนปลูกผม ซึ่งคนไข้ควรต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างศัลยกรรมปลูกผม โดยการเตรียมตัวหลัก ๆ จะมีดังนี้

• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการศัลยกรรมปลูกผม เนื่องจากการสูบบุหรี่จะส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด และทำให้แผลหายได้ช้าลงครับ
• งดรับประทานวิตามิน และยาบางชนิดที่คนไข้ใช้ในการรักษา เพราะยาบางชนิดสามารถส่งผลกระทบขณะรักษาได้ครับ
• ควรดื่มน้ำ หรือทานอาหารมาก่อนเข้ารับการปลูกผม เนื่องจากการศัลยกรรมปลูกผมจะใช้เวลาที่ค่อนข้างนาน อาจทำให้คนไข้มีอาการหิวขณะศัลยกรรมปลูกผมครับ
• ไม่แนะนำให้ทำผม หรือเซ็ตทรงผมมาในวันนัดศัลยกรรมปลูกผม เพราะจะทำให้ยากต่อการรักษาครับ
• แนะนำให้สระผมให้สะอาด และเช็ดผมให้แห้งโดยไม่ตรงจัดทรงผม หรือเซ็ตผม เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาได้อย่างราบรื่นครับ
• แนะนำให้คนไข้งดการตัดผมอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้ผมมีความยาวมากพอสำหรับใช้ในการศัลยกรรมปลูกผมนั่นเองครับ

ขั้นตอน การปลูกผม ทำแบบไหน

เมื่อผ่านการเตรียมตัวมาได้อย่างสำเร็จ ถัดมาก็ถึงขั้นตอนในการศัลยกรรมปลูกผมแล้วครับ ซึ่งวิธีในปลูกผมนั้นจะมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน เพียงแต่เทคนิคที่นำมาใช้อาจต่างกัน โดยในบทความนี้ผมจะขอพูดในส่วนของการศัลยกรรมปลูกผมด้วยเทคนิค FUE นะครับ

เนื่องจากเป็นเทคนิคที่สามารถรักษาปัญหาผมบาง ศีรษะล้านได้ดีครับ โดยมีขั้นตอนอะไรบ้างไปดูพร้อมกันได้เลยครับ

• อันดับแรกแพทย์จะทำการออกแบบ พร้อมวาดแนวผมบริเวณที่คนไข้ต้องการจะปลูก โดยจะใช้การคำนวณกอผมที่ใช้สำหรับปลูกผมล่วงหน้าครับ
• ต่อมาแพทย์จะโกนผมบริเวณที่จะต้องเจาะ เพื่อนำเอาเซลล์รากผมที่ใช้ในการปลูก ซึ่งแพทย์จะฉีดยาชา หรือให้ยานอนหลับ แล้วทำความสะอาดฆ่าเชื้อบริเวณบริเวณที่เลือกไว้
• หลังจากยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีหัวเจาะขนาดเล็ก 0.8 -1.0 มิลลิเมตร โดยเจาะบริเวณด้านหลังศีรษะ ตามแนวขนานของเซลล์รากผม
• แพทย์จะนำเอาเซลล์รากผมที่เจาะมาได้ ไปปลูกบริเวณที่ทำการออกแบบไว้ จนกว่าจะครบตามจำนวน โดยระหว่างนำไปปลูกแพทย์จะแช่รากผมไว้ในน้ำยาเลี้ยงผม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรากผมนั่นเองครับ
• ลำดับสุดท้าย แพทย์จะทำการฉีดยา และฉีดยาห้ามเลือด พร้อมเจาะรูบริเวณที่จะปลูก โดยกำหนดความหนาแน่น และทิศทางของแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติ พอเสร็จแล้วแพทย์จะทำการปิดผ้าพันแผลบริเวณที่ปลูกผมอย่างน้อย 1 – 2 วัน คนไข้สามารถกลับบ้านได้ตามปกติครับ

เป็นอันเสร็จสำหรับขั้นตอนปลูกผม คนไข้น่าจะเห็นแล้วว่าขั้นตอนค่อนข้างง่าย เพียงแแต่อาจใช้เวลาในการศัลยกรรมปลูกผมที่ค่อนข้างนาน แต่ถึงอย่างไรก็คุ้มค่าอย่างแน่นอน ถ้าหากผลลัพธ์ที่ได้คือ เส้นผมใหม่ที่อยู่อย่างถาวร

การดูแลตัวเองหลังปลูกผมทำยังไง

ในส่วนของการดูแลรักษาตัวเองหลังปลูกผมมานั้น ถือว่าเป็นขั้นตอนที่คนไข้ควรให้ความสำคัญอย่างมากครับ เพราะสามารถส่งผลกระทบต่อการปลูกผมได้นั่นเองครับ โดยแพทย์จะแนะนำถึงการดูแลหลังปลูกผมไว้แบบชัดเจน เพียงแค่คนไข้ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่พึงพอใจ ซึ่งมีวิธีการดูแลอย่างไรไปดูพร้อมกันได้เลยครับ

• หลีกเลี่ยงการจับ แคะ เกา หรือซับเลือดบริเวณที่ปลูกผมมาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันแผลถูกกระทบกระเทือนครับ
• สามารถอาบน้ำ ล้างหน้า และใช้ชีวิตได้ตามปกติครับ นอกจากการสระผมควรรออย่างน้อย 2 สัปดาห์ แล้วค่อยใช้ยาสระผมชนิดอ่อนสำหรับการสระผม
• หลีกเลี่ยงการนวด หรือกดถูบริเวณที่ปลูกผมมาขณะสระผม แนะนำให้สระผมโดยใช้น้ำความแรงปกติ และซับให้เบา ๆ ให้แห้ง ห้ามใช้เครื่องเป่าผมลมร้อนเด็ดขาดเป็นเวลา 1 เดือน จะสามารถป้องกันการติดเชื้อบนหนังศีรษะได้ครับ
• แนะนำให้นอนหงาย หรือนอนตะแคง เพื่อลดอาการปวดบริเวณที่ปลูกผมมา รวมถึงใช้ผ้าคาดหัว เพื่อป้องกันไม่ให้ผมที่ปลูกหลุดออกมาได้ครับ
• งดการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดเหงื่ออย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากเหงื่ออาจทำให้มีอาการคัน และติดเชื้อได้ง่ายครับ
• หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำทะเล อย่างน้อย 1 เดือน เพราะสามารถส่งผลกระทบต่อผมที่ปลูกมาได้ครับ
• หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ก็แนะนำให้ทานอาหารอ่อน ๆ ในช่วงแรกไปก่อนจนกว่าอาการจะหาย แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ให้อดอาหาร และไปพบแพทย์โดยด่วนครับ
• ควรทานยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอจนกว่าจะหมด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และลดอาการบวมได้ครับ
• หากมีภาวะผิดปกติต่าง ๆ เช่น มีอาการปวด บวมแดงบริเวณที่ปลูกผม หรือมีไข้ขึ้นสูง และเลือดไหลออกมามากจนเกินไป ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพื่อเช็กอาการ และลดโอกาสเสี่ยงโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ครับ

ปลูกผมไปแล้วกี่วันจะเห็นผลลัพธ์

ผลลัพธ์ในการปลูกผมนั้นขึ้นอยู่กับการดูแลหลังศัลยกรรมปลูกผมมาของแต่ละบุคคล แต่โดยปกติจะใช้เวลาในการเห็นผมตั้งแต่ 2 สัปดาห์ ไปจนถึง 1 ปี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ปลูกผมว่ามีความมากน้อยมากแค่ไหนครับ

สำหรับผลลัพธ์ของความเปลี่ยนแปลง ก็จะช่วยทำให้ผมดูหนาแน่นขึ้น โครงหน้าดูชัดเจน เพิ่มบุคลิกภาพ และความมั่นใจในการเข้าสังคม รวมถึงแนวผมจะดูเป็นธรรมชาติ โดยผลลัพธ์ของการปลูกผมจะมีความแตกต่างกันของช่วงเวลาดังนี้ครับ

• ช่วง 2 สัปดาห์หลังศัลยกรรมปลูกผม

แผลบริเวณที่ปลูกผมมาจะเริ่มตกสะเก็ด ส่งผลให้ผมหลุดลอกออกมา แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกตินะครับไม่ต้องตกใจ เพราะรากผมได้ฝังตัวไปเรียบร้อยแล้วครับ

• ช่วง 3 เดือนหลังศัลยกรรมปลูกผม

ผมบริเวณที่ปลูกจะเริ่มงอกขึ้นมาใหม่ แต่อาจจะไม่ได้ขึ้นพร้อมกันอย่างทั่วถึงนะครับ แต่จะค่อย ๆ งอกขึ้นมาอย่างแน่นอนครับ

• ช่วง 6 เดือนหลังศัลยกรรมปลูกผม

เมื่อผ่านช่วง 6 เดือนไปแล้วคนไข้จะได้เริ่มเห็นผลลัพธ์ของความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เพราะผมที่ทำการปลูกไว้จะขึ้นมาทั้งหมดแล้ว แต่บางเส้นอาจดูบางอยู่เท่านั้นครับ

• ช่วง 1 ปีหลังศัลยกรรมปลูกผม

หากคนไข้อดทนรอมาจนถึงช่วง 1 ปี จะต้องพึงพอใจกับผลลัพธ์อย่างแน่นอนครับ เพราะว่าเส้นผมบริเวณที่ปลูกมาจะหนาขึ้นอย่างมาก คนไข้สามารถย้อมผม หรือตัดผมเพื่อจัดทรงผมให้เข้ากับรูปร่างใบหน้าได้ครับ